WordPress เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมในการสร้างเว็บไซต์, แต่การจะทำให้เว็บของคุณเด่นขึ้น คุณอาจต้องการใช้ CSS Framework สำหรับการออกแบบเว็บไซต์ของคุณให้มีความเป็นมืออาชีพ ในบทความนี้ ผมจะมาแนะนำ 4 CSS Framework ที่ควรลองเพื่อปรับแต่ง WordPress ของคุณ.
1. Automatic.css

- คุณสมบัติหลัก: สร้าง UI ที่สวยงามด้วยการใช้ utility classes ทำให้สามารถปรับแต่ง UI ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เรื่อง CSS มากนัก
- วัตถุประสงค์: เพื่อลดความซับซ้อนในการทำงานและเพิ่มความเร็วในการออกแบบ
- การรองรับ: Oxygen, Bricks, Gutenberg (เร็ว ๆ นี้), Zion (กำลังพิจารณา), Cwicly (กำลังพิจารณา)
2. Core Framework

- คุณสมบัติหลัก: รองรับการทำงานร่วมกับ Gutenberg block editor และมีระบบ layout ที่ปรับแต่งได้
- วัตถุประสงค์: เพื่อทำให้การออกแบบเว็บไซต์เป็นเรื่องง่ายและไม่ซับซ้อน
- การรองรับ: มี Extensions สำหรับ Gutenberg, Bricks, Oxygen
3. OxyProps

- คุณสมบัติหลัก: รองรับ CSS custom properties และ utility classes พร้อมบริการ library ของ custom elements และ structure builder
- วัตถุประสงค์: เพื่อปรับปรุงการทำงานและการออกแบบเว็บไซต์ให้เร็วขึ้น และมีความสอดคล้องในแต่ละส่วน
- การรองรับ: ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Oxygen Builder และ Bricks Builder โดยเฉพาะ
4. Winden

- คุณสมบัติหลัก: การรวม Tailwind CSS กับ WordPress Builders และรองรับการจัดการ CSS Class ในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด
- วัตถุประสงค์: ให้นักออกแบบเว็บไซต์และนักพัฒนาที่ใช้ WordPress มีวิธีการรวม Tailwind CSS ไปยังเว็บไซต์ของพวกเขา
- การรองรับ: รองรับ WordPress Website Builders อย่าง Oxygen, Bricks, และ Zion Builder และยังมีการรองรับ Gutenberg.
สรุป
การเลือก CSS Framework ที่เหมาะสมสำหรับ WordPress ขึ้นอยู่กับความต้องการและวัตถุประสงค์ของผู้พัฒนา หากคุณยังไม่แน่ใจว่าควรเริ่มต้นจากที่ไหน เราแนะนำให้ลองทดสอบและค้นหาความสามารถของแต่ละ Framework ก่อนตัดสินใจ ทั้งนี้ เพื่อให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์บน WordPress ที่เป็นไปตามความต้องการได้ที่สุด.

